สมชาย ไพศาลสัมฤทธิ์ ถึง นักรบด่านเถื่อน
30 กันยายน 2018
#บัตรปปสไม่ใช่กุญแจที่จะไขเข้าบ้านใครก็ได้
วันนี้เห็นมีหนังสือชี้แจงจากสำนักงาน ปปส กระทรวงยุติธรรมดังประกาศตามรูปดั่งกล่าวครับ
การตรวจค้นจับกุมผู้ค้ายาเสพติดนั้น เจ้าหน้าที่ที่ถือ บัตร ปปส นั้น อาศัยอำนาจตาม พรบ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มาตรา 14 อนุ(1)-(7)
จะขอยกมาทำความเข้าใจในเรื่องการตรวจค้นเคหะสถาน ตามอนุ(1) เท่านั้นนะครับเพราะเดวยาวไป
(๑) เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้นเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีบุคคลที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลบซ่อนอยู่ หรือมีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
การเข้าไปในเคหะสถานตาม ม 14(1)นั้นก็ยังต้องอาศัยหลักตาม ปวิอ ม 57 คือ
มาตรา ๕๗ "ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในมาตรา ๗๘ มาตรา ๗๙ มาตรา๘๐ มาตรา ๙๒ และมาตรา ๙๔ แห่งประมวลกฎหมายนี้ จะจับ ขัง จำคุก หรือค้นในที่รโหฐานหาตัวคนหรือสิ่งของต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลสำหรับการนั้น"
กรณีการค้นเพื่อจับกุมบุคคลที่ต้องหาว่าค้ายาเสพติดในเคหสถานนั้นแม้ว่ามีบัตรเจ้าหน้าที่ ปปส ก็ตามก็ต้องปฎิบัติตาม ปวิอ ม 57 คือจะต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลก่อนเข้าทำการตรวจค้นจับกุมเสมอ
โดยมีข้อยกเว้นเอาไว้ในตอนท้ายของ ม 14(1) เอาไว้ว่า
"มีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม"
เหตุยกเว้นดังกล่าวนั้นก็ต้องมีอยู่จริงและสามารถชี้แจงต่อคณะกรรมการ ปปส และศาลได้
สรุป บัตรเจ้าหน้าที่ ปปส ไม่ใช่กุญแจที่จะไขประตูบ้านใครเข้าไปได้ง่ายๆ หรือตามอำเภอใจ ครับ
30 กันยายน 2018
#บัตรปปสไม่ใช่กุญแจที่จะไขเข้าบ้านใครก็ได้
วันนี้เห็นมีหนังสือชี้แจงจากสำนักงาน ปปส กระทรวงยุติธรรมดังประกาศตามรูปดั่งกล่าวครับ
การตรวจค้นจับกุมผู้ค้ายาเสพติดนั้น เจ้าหน้าที่ที่ถือ บัตร ปปส นั้น อาศัยอำนาจตาม พรบ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มาตรา 14 อนุ(1)-(7)
จะขอยกมาทำความเข้าใจในเรื่องการตรวจค้นเคหะสถาน ตามอนุ(1) เท่านั้นนะครับเพราะเดวยาวไป
(๑) เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้นเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีบุคคลที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลบซ่อนอยู่ หรือมีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
การเข้าไปในเคหะสถานตาม ม 14(1)นั้นก็ยังต้องอาศัยหลักตาม ปวิอ ม 57 คือ
มาตรา ๕๗ "ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในมาตรา ๗๘ มาตรา ๗๙ มาตรา๘๐ มาตรา ๙๒ และมาตรา ๙๔ แห่งประมวลกฎหมายนี้ จะจับ ขัง จำคุก หรือค้นในที่รโหฐานหาตัวคนหรือสิ่งของต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลสำหรับการนั้น"
กรณีการค้นเพื่อจับกุมบุคคลที่ต้องหาว่าค้ายาเสพติดในเคหสถานนั้นแม้ว่ามีบัตรเจ้าหน้าที่ ปปส ก็ตามก็ต้องปฎิบัติตาม ปวิอ ม 57 คือจะต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลก่อนเข้าทำการตรวจค้นจับกุมเสมอ
โดยมีข้อยกเว้นเอาไว้ในตอนท้ายของ ม 14(1) เอาไว้ว่า
"มีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม"
เหตุยกเว้นดังกล่าวนั้นก็ต้องมีอยู่จริงและสามารถชี้แจงต่อคณะกรรมการ ปปส และศาลได้
สรุป บัตรเจ้าหน้าที่ ปปส ไม่ใช่กุญแจที่จะไขประตูบ้านใครเข้าไปได้ง่ายๆ หรือตามอำเภอใจ ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น