หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564

คนหนุ่มสาวยุ่งกับการใช้ชีวิต จนไม่เหลือความฝัน

 ฉันเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์

.
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ทุกคนของฉัน เคยพูดว่า “กฎหมายบัญญัติไว้ว่าอย่างนี้ แต่ในทางปฏิบัติในชีวิตความเป็นจริง…”
.
ชีวิตความเป็นจริงเป็นโลกที่น่าพิศวง ในชีวิตความเป็นจริง คนซื่อๆ ที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด มักใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม, ส่วนคนที่มากเล่ห์เพทุบาย สุดท้ายกลับมีทั้งชื่อเสียงมีลาภสมบัติ
.
เพราะฉะนั้น เด็กไร้เดียงสาอย่างฉัน จึงมักมีรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์ มาตบไหล่ฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู และบอกฉันว่า “เด็กน้อย รอจนเธอเข้าใจโลกเสียก่อน”
.
สิ่งที่ฉันอยากถาม ก็คือ คนหนุ่มสาวอย่างฉัน สามารถทำอะไรให้กับโลกได้บ้าง
.
วันหนึ่งข้างหน้า ผู้ว่าแบงค์ชาติ จะเป็นคนที่เกิดหลังปี 1990
.
นักธุรกิจชั้นนำจะเป็นคนที่เกิดหลังปี 1990
.
แม้กระทั่งประธานาธิบดี ก็จะเป็นคนที่เกิดหลังปี 1990
.
ในวันที่ทั้งสังคมเป็นที่ยืนของคนที่เกิดยุคหลังปี 1990
.
ฉันอยากถามเพื่อนร่วมรุ่นทุกคนว่า พวกเราอยากให้สังคมเป็นเช่นไร
.
ฉันรู้ดีว่า ไม่ใช่ทุกคนสามารถก้าวขึ้นมา ฝันฝ่าพายุและคลื่นลม จนเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศชาติ
.
ฉันและคุณ ล้วนเป็นคนเล็กๆ ธรรมดาๆ ภายในกลไกเครื่องจักรสังคมอันมหึมา พวกเราเป็นเพียงหมุดตะปูตัวเล็กๆ
.
สมัยเรียนหนังสือ พ่อแม่พูดทุกวันว่า ให้ตั้งใจเรียนเป็นอันดับแรกอย่าเพิ่งสนใจอย่างอื่น
.
พอถึงวันจบการศึกษา พวกเราก็เที่ยวเอาจดหมายสมัครงานหว่านไปทั่วด้วยความหวังว่าจะมีบริษัทรับเข้าทำงาน
.
ผ่านไปไม่กี่ปี ก็ถูกกดดันให้แต่งงาน ซื้อบ้าน แล้วก็ใช้เวลาอีกประมาณ 20 ปีแรกของชีวิตการทำงานช่วงที่มีกำลังเต็มที่ หาเงินมาใช้หนี้
.
จนทำให้คนหนุ่มสาวยุ่งกับการใช้ชีวิต จนไม่เหลือความฝัน
.
ไม่มีเวลาสนใจการเมือง
.
ไม่มีเวลาสนใจสิ่งแวดล้อม
.
ไม่มีเวลาสนใจชะตากรรมบ้านเมือง
.
แล้วจะยังเหลือกำลังวังชา ทำอะไรให้แก่สังคมส่วนรวมได้อีก
.
แต่ภายหลังฉันพบว่า มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันและคุณทำได้
.
สิ่งนี้ก็คือ คนรุ่นเรา ไม่ว่าจะเดินไปในเส้นทางใด ขออย่าได้ทำชั่ว
.
ขอแค่อย่าเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราเคยรังเกียจในสมัยเด็ก
.
ถ้าต่อไปเราเป็นคนขายของแผงลอย ก็อย่าเอาน้ำมันทิ้งแล้วมาทอดของขาย
.
ถ้าขายผลไม้ ก็อย่าโกงน้ำหนักตราชั่ง
.
ถ้าเปิดโรงงาน เป็นเจ้านายคน ก็อย่ากดค่าแรง ลดคุณภาพวัตถุดิบ ผลิตของด้อยคุณภาพ
.
คนธรรมดาหนึ่งคน ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่แสนธรรมดา ถ้าทำหน้าที่ของตนให้ดีได้ ย่อมเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก
.
เพราะเราทุกคน ตั้งแต่วันที่เราเกิดมา ก็มีผลเปลี่ยนแปลงโลก
.
ฉันเป็นนักศึกษากฎหมาย ถ้าในภายภาคหน้า ฉันสามารถเป็นผู้พิพากษาที่มีความยุติธรรม สังคมของเรา ก็จะมีผู้พิพากษาที่ดีเพิ่มขึ้นอีก 1 คน
.
และย่อมเป็นสังคมที่ดีขึ้นอย่างน้อยก็นิดนึง
.
ฉันหวังว่า ทุกคนจะตระหนักว่า แม้จะมีเหตุผลอันน่าเห็นใจแสนอย่างรองรับการทำชั่ว ตัวเราก็ต้องรักษามาตรฐานศีลธรรมของเราไว้ ด้วยเหตุผลเดียว นั่นก็คือ เราไม่ใช่สัตว์ป่าผู้โหยหิว แต่เป็นมนุษย์ผู้รู้ผิดชอบชั่วดี
.
เพื่อนร่วมรุ่นหนุ่มสาวของฉัน พวกเราสามารถเป็นคนหนุ่มสาวที่มีคุณภาพ ตลอดชีวิตเกลียดชังความชั่ว ไม่ปล่อยตัวตามกระแสแห่งคลื่นลม ไม่รับใช้ผู้มีอำนาจอย่างหลับหูหลับตา ไม่ลืมหลักการ ไม่ลืมความเป็นมนุษย์
.
ดังนั้น ฉันขอฝากถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่รักทุกคน ถ้าในอนาคต มีคนพูดกับคุณว่า เธออย่าสะเออะมาเป็นนักศีลธรรม รู้จักปรับตัวเข้าสังคมบ้าง
.
เมื่อเวลานั้น เธอก็ควรมีความกล้าหาญเพียงพอ ที่จะตอบว่า ก็ฉันไม่เหมือนคุณนี่
.
ฉันไม่ได้มาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเข้าสังคม
.
ฉันมามีส่วนเปลี่ยนแปลงสังคม
........................................................................
บทความ โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ใน Facebook : Arm Tungnirun

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น