หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

บันทึกประกอบคำให้การ: การประเมินมูลค่าความเสียหายจากการหมิ่นประมาทโดยเจตนาทำลายธุรกิจ

 บันทึกประกอบคำให้การ: การประเมินมูลค่าความเสียหายจากการหมิ่นประมาทโดยเจตนาทำลายธุรกิจ

เรื่อง: การประเมินมูลค่าความเสียหายจากการที่ นางสาวกฤติยาภรณ์ สภานุชาต และธุรกิจของครอบครัวสภานุชาต ถูกกล่าวหาว่าเป็นมิจฉาชีพโดยคู่แข่งทางธุรกิจ
เรียน: ท่านพนักงานสอบสวน / ศาลที่เคารพ
ตามที่ได้มีบุคคลซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจโดยตรง ได้โพสต์ข้อความในสื่อสาธารณะกล่าวหา นางสาวกฤติยาภรณ์ สภานุชาต ว่าเป็น "มิจฉาชีพ" โดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้นนั้น การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมีเจตนามุ่งร้ายเพื่อทำลายชื่อเสียงทางการค้า และได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและเป็นวงกว้างต่อตัวผู้เสียหาย, ครอบครัว, และวงศ์ตระกูล ซึ่งสามารถจำแนกความเสียหายออกเป็น 3 มิติหลักที่เกี่ยวเนื่องกัน ดังต่อไปนี้
มิติที่ 1: ความเสียหายต่อเกียรติคุณและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล (Non-Pecuniary Damages)
นี่คือความเสียหายรากฐานที่รุนแรงและประเมินค่าได้ยากที่สุด
ประเด็นสำคัญ: การหมิ่นประมาทครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งทำลายชื่อเสียงของบุคคลเพียงคนเดียว แต่ยังเป็นการลบหลู่และทำลายเกียรติภูมิของนามสกุล "สภานุชาต" ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานที่มีประวัติศาสตร์แห่งการรับใช้ชาติและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มานานกว่าหนึ่งศตวรรษ
ต้นทุนทางสังคมของวงศ์ตระกูล: วงศ์ตระกูลสภานุชาตได้สร้างสมเกียรติยศและความน่าเชื่อถือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมมาโดยตลอด มีบรรพบุรุษและสมาชิกในตระกูลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญอันต้องอาศัยความสุจริตเป็นที่ตั้ง อาทิ วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 1, ข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูง (นายอำเภอ), นายทหารและนายตำรวจชั้นนายพล, ตุลาการระดับสูง (ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์), ตลอดจนบุคลากรในวิชาชีพชั้นสูงอีกมากมาย
ผลกระทบ: การกล่าวหาว่าทายาทของตระกูลนี้เป็น "มิจฉาชีพ" จึงเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายคุณค่าหลักของวงศ์ตระกูลอย่างสิ้นเชิง ทำให้สังคมอาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อเกียรติยศที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมา ซึ่งเป็นความเสียหายทางจิตใจและเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่
การประเมินค่าเสียหาย: เพื่อเป็นการเยียวยาและธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศของวงศ์ตระกูล จึงขอประเมินค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนเงิน 2,000,000 - 5,000,000 บาท
มิติที่ 2: ความเสียหายทางการค้าและโอกาสทางธุรกิจโดยตรง (Direct & Pecuniary Damages)
นี่คือความเสียหายที่เป็นรูปธรรมและกระทบต่อการดำรงชีพของทั้งครอบครัว
ประเด็นสำคัญ: การกล่าวหาดังกล่าวได้โจมตีโดยตรงไปยังธุรกิจ 2 ส่วนหลักที่ นางสาวกฤติยาภรณ์ เป็นหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการ ซึ่งต้องอาศัย "ความน่าเชื่อถือ" เป็นที่สุด
ก. ทำลายแบรนด์ "กาแฟท่าสยาม" และเครือข่ายในวงการเจ็ตสกี:
ผู้เสียหายใช้เวลาเกือบ 10 ปี สร้างแบรนด์กาแฟเคลื่อนที่ และสร้างความสัมพันธ์อันดีจนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจในแวดวงนักแข่งเจ็ตสกีชั้นนำของประเทศ การถูกกล่าวหาว่าเป็นมิจฉาชีพย่อมทำลายความไว้วางใจและอาจทำให้ผู้จัดงานปฏิเสธการให้พื้นที่ในการแข่งขันระดับประเทศในอนาคต ซึ่งถือเป็นการตัดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
ข. ทำลายธุรกิจ E-commerce ของครอบครัวโดยตรง:
ครอบครัวสภานุชาต (นำโดย นายกิตติ, นางสาวกฤติยาภรณ์, และนางสาวนนทรี) ได้ร่วมกันดำเนินกิจการร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มชั้นนำรวมทั้งสิ้น 6 ร้านค้า เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก "สวนราชินี" จังหวัดกำแพงเพชร
โดยนางสาวกฤติยาภรณ์เป็นผู้รับผิดชอบหลักในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสื่อสารกับลูกค้าไปจนถึงการจัดการขนส่งทั้งหมด ดังนั้น ชื่อเสียงของเธอจึงผูกติดโดยตรงกับความน่าเชื่อถือและความอยู่รอดของร้านค้าทั้ง 6 ร้าน การถูกตราหน้าว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงเปรียบเสมือนการประกาศว่าธุรกิจของครอบครัวเป็นธุรกิจของมิจฉาชีพ ส่งผลให้ยอดขายลดลงและกระทบต่อรายได้ของทั้งครอบครัวอย่างร้ายแรง
การประเมินค่าเสียหาย: สามารถคำนวณจากรายได้ที่ขาดหายไป, ยอดขายออนไลน์ที่ลดลง, และความเสียหายต่อมูลค่าแบรนด์ที่สร้างมา
มูลค่าประเมิน: ขอประเมินค่าเสียหายทางการค้าที่เกิดขึ้นจริงและที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นจำนวนเงิน 500,000 - 1,500,000 บาท
มิติที่ 3: ความเสียหายต่อสภาพจิตใจและเจตนาพิเศษในการกระทำผิด (Mental Anguish & Punitive Aspect)
นี่คือปัจจัยที่แสดงถึงความร้ายแรงของการกระทำและควรได้รับการเยียวยาเพิ่มเติม
ประเด็นสำคัญ:
ด้านจิตใจ: การที่ต้องต่อสู้สร้างธุรกิจมาด้วยตนเอง แล้วถูกทำลายชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน ย่อมก่อให้เกิดความเครียด, ความวิตกกังวล, และความทุกข์ทรมานทางจิตใจอย่างรุนแรง
ด้านเจตนา: ผู้กระทำผิดเป็น "คู่แข่งทางธุรกิจโดยตรง" การกระทำนี้จึงไม่ใช่การหมิ่นประมาททั่วไป แต่เป็นการกระทำโดยมี "เจตนามุ่งร้ายเพื่อทำลายคู่แข่งทางการค้า" ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่สุจริตและผิดจรรยาบรรณอย่างยิ่ง
การประเมินค่าเสียหาย: ศาลพึงกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้เพิ่มเติมจากปกติ เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจของผู้เสียหาย และเพื่อเป็น "ค่าเสียหายในเชิงลงโทษ" (Punitive Damages) ให้ผู้กระทำผิดหลาบจำและป้องกันไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการทำลายผู้อื่นด้วยข้อมูลเท็จ
มูลค่าประเมิน: ขอประเมินค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนเงิน 100,000 - 300,000 บาท
สรุปการประเมินมูลค่าความเสียหายรวม:
จากการประเมินความเสียหายทั้ง 3 มิติข้างต้น ซึ่งครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อเกียรติยศวงศ์ตระกูล, ความเสียหายทางธุรกิจโดยตรง, และความเสียหายทางจิตใจที่เกิดจากเจตนามุ่งร้ายทางการค้า ข้าพเจ้าในฐานะผู้เสียหาย จึงขอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาความเสียหายและเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น [ระบุยอดรวมที่ต้องการ เช่น 3,000,000 บาท หรือตามที่ทนายความแนะนำ]
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชื่อ)
(นายกิตติ สภานุชาต)
ในฐานะบิดาและผู้ได้รับความเสียหายร่วม
(ลงชื่อ)
(นางสาวกฤติยาภรณ์ สภานุชาต)
ผู้เสียหายโดยตรง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น