หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

จ่ายค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 88 พรบ.ประกันวินาศภัย

 Paweenut Naibut รู้สึกผ่อนคลาย

เงินไม่เข้าบัญชี..
พี่ก็จะยังไม่เล่า
แต่วันนี้..เงินเข้าบัญชี..พี่จึงเล่าได้
คนที่ติดตามเฟสพี่
คงจำเรื่องราวเหล่านี้ได้...
พี่เคยโพสต์เรื่องทวงสิทธิ
เงินทอน 50 สตางค์จากห้างดัง
บางคนอาจคิดว่าพี่...เพี้ยน...
ยอมเสียเวลากับเงินเพียง 50 สตางค์
55555 พี่ก็เป็นพี่นั่นแหละ
มาครั้งนี้
รถพี่ถูกชนที่ จ.ภูเก็ต
เมื่อ วันที่ 27 พ.ย.63
โชคดี ที่รถมีประกันทั้งสองฝ่าย
งานนี้สิทธิของพี่ #หลักหมื่น เชียวนะ
ใครมาละเมิด..พี่จะยอมได้หรือ
เรื่องของเรื่องเกิดจากรถพี่ถูกชน
ที่จังหวัดภูเก็ตและพี่นำรถเข้าซ่อม
ที่อู่ในจังหวัดนครศรีรรมราช
ใช้เวลาซ่อมทั้งหมด 45 วัน
แน่นอนค่ะ พอซ่อมรถเสร็จ..
พี่เรียกค่าสินไหมทดแทน
จากบริษัทคู่กรณี ตามระเบียบ
( สมมุติว่าบริษัทคู่กรณีขื่อ บริษัท ก.)
วันที่ 15 ม.ค. 64
พี่เรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
ตามสิทธิที่มี....45 วัน วันละ 500 บาท
เป็นเงินรวม 22,500 บาท
บริษัท ก. มีหนังสือแจ้งการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
โดยเทียบเคียงกับการซ่อมจาก 2 อู่
จะจ่ายให้แค่ 20 วัน
เป็นเงินเพียง 10,000 บาท
เอาละซิ...พี่เริ่มฉุนละนะ
แค่นิดๆหน่อยๆ ถ้าเป็นสิทธิ
คุณอย่าคิดมาลิดรอน
นี่เล่นตัดราคาเกินกว่าครึ่งแบบนี้
พี่ไม่มีทางยอม..#เด็ดขาด..
พี่เลยโทร.ประสานไปยังฝ่ายสินไหม
สำนักงานใหญ่ของบริษัท ที่ กทม.
เขาแจ้งว่าขอเอาเข้าที่ประชุมก่อน
พี่ก็รอนะคะ
จากนั้น สองสามวันต่อมา
เจ้าหน้าที่ของบริษัทสาขานครศรีฯ
แจ้งว่า..บริษัทฯจะเพิ่มให้อีก 5 วัน
พี่รับได้ไหม
อื้ออหือออ...เป็นคุณจะยอมไหมคะ?
จากนั้นทุกอย่าง.เงียบและหายไปเล้ยยย
พี่ก็อดทนนะแต่ใจไม่ค่อยปกติ
จนเวลาผ่านไป จากวันที่ 20 ม.ค.64
ถึงวันที่ 15 ก.พ. 2564 พี่รอไม่ไหวละ
ตัดสินใจ ทำหนังสือทวงถาม
พร้อมยื่นข้อเรียกร้องใหม่
แทนข้อเรียกร้องเดิม คือ..
1.ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
ระยะเวลา 45 วัน = 22,500 บาท และ
2.ค่าเสื่อมราคารถจากอุบัติเหตุอีก 20,000 บาท
.อันนี้พี่ทำเป็นหนังสือ
ส่งทาง email ไปยังบริษัทค่ะ
และบ่ายวันเดียวกัน(15 ก.พ.64)
พี่ได้รับหนังสือจากบริษัท
แจ้งผลการพิจารณาค่าสินไหมให้พี่
แค่เพียงแค่ 25 วัน เป็นเงิน 12,500 บาท
ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น วันที่ 16 ก.พ.64
พี่จึงแจ้งเจ้าหน้าที่สาขานครฯ
บอกว่าพี่ได้เพิ่มข้อเรียกร้องใหม่
และส่งผ่านเมล์ไปยังบริษัทแล้ว
และส่งเมล์ดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่คนนั้นเพื่อประสานส่วนกลางอีกรอบด้วย
จากนั้น...ทุกอย่าง..
เงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเลย...
ความเครียดเล็กๆเริ่มครอบงำพี่ละนะ
พี่อดทนมาเรื่อยๆ
แต่ใจรุ่มร้อน...ขุ่นเคือง..
บางคืน..นอนคิด..นอนหลับไม่สนิท
เสียอารมณ์..เสียความรู้สึก..
มากถึงมากกกเลยยย..ขอบอก..
ในที่สุด วันที่ 8 มีนาคม 2564
พี่ตัดสินใจร้องเรียนกล่าวโทษบริษัทฯ
ไปยัง คปภ.ส่วนกลาง
และเรียกร้องค่าสินไหม 42,500 บาท
วันที่ 18 มี.ค.64
คปภ.ส่วนกลางติดต่อกลับมา
ถามว่าสะดวกจะเข้าไกล่เกลี่ยที่ไหน
พี่ขอไกล่เกลี่ยที่ คปภ.สาขานครศรีฯ
วันที่ 22 มี.ค.64
คปภ.นครศรีฯ ประสานมา
จะนัดเจรจาไกล่เกลี่ย
แต่จากการสนทนาทางโทรศัพท์
พี่ไม่ปลื้ม..จึงปฏิเสธการเข้าไกล่เกลี่ย
และวางสายโทรศัพท์...ในบัดดล..
ความหงุดหงิดเข้าครอบงำพี่อีกละ
คิดในใจว่า...
ทุกวันนี้ ศาลยุติธรรมมีบริการ
ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
พี่ใช้บริการของศาลยุติธรรม
ไม่ดีกว่าหรือ...
เอาละ งานนี้พี่คิดว่าพี่คงต้องพึงกระบวนการยุติธรรมจากศาลแล้วหละ
เตรียมร่างฟ้องดีกว่า
แต่....วันที่ 26 มี.ค.64
พี่เลิกงานกลับมาถึงบ้าน
ได้รับหนังสือจาก คปภ.
ให้ไปเจรจาไกล่เกลี่ย
ในวันที่ 31 มี.ค. 64 เวลา 14.00 น.
เอาละ พี่คงต้องลองอีกสักตั้ง
วันที่ 30 มี.ค.64
พี่ตัดสินใจติดต่อไปยังบริษัทฯ
กะเป็นครั้งสุดท้าย
พี่โทร.ไป ผู้จัดการใหญ่ไม่อยู่
มีน้องเลขาฯเสียงใสๆรับสาย
พี่ยื่นคำขาด....
ให้จ่ายค่าสินไหมทดแทน
ตามจำนวนที่พี่เรียกร้อง 42,500 บาท
หากพี่ต้องเสียเวลา
ไปไกล่เกลี่ยที่ คปภ. ในวันที่ 31 มี.ค.
พี่เตรียมยื่นหนังสือจะร้องเรียนบริษัทฯเพิ่มอีกหนึ่งกระทง
ฐาน..ประวิงเวลาจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 88 พรบ.ประกันวินาศภัย
ความว่า "บริษัทที่ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกิน 500,000 บาท และถ้าเป็นกรณีกระทำความผิดต่อเนื่อง ให้ปรับอีกไม่เกินวันละ 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
น้องเลขาฯ รับเรื่องไว้
เจอดอกนี้ ..บริษัทต้องคิดใหม่แล้วมังคะ
บ่ายวันนั้นน้องเจ้าหน้าที่สาขานครฯ
โทร.มาบอกว่า พี่ครับ วันนี้ไม่เกิน 5 โมง
ผู้จัดการใหญ่ไม่อยู่แต่รองผู้จัดการอีกคนจะโทร.หาพี่นะครับ
และแล้วเกือบ 6 โมง
น้องเลขาฯคนเดิม
เป็นคนโทร.มา...ขอเครียร์
คุยกันสักพัก นุ่น นี่ นั่น
พี่บอกความประสงค์ไป
สุดท้ายพี่บอกว่า ....
บริษัทคุณใหญ่ขนาดนี้
คงมีนักกฎหมายประจำอยู่นะคะ
ไปถามเขาได้เลยนะ...
งานนี้พี่ได้เปรียบ
ความผิดของพวกคุณสำเร็จแล้ว
มิอาจปัดความรับผิดได้
และพี่เชื่อว่า นักกฎหมายของคุณ
เขาคงรู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่..
น้องเลขาฯบอก
งั้นพี่คุยกับรองผู้จัดการหน่อยได้ไหมคะ
อ้าวววว...แล้วกัน
ทำไมเขาไม่คุยเองแต่ต้น
จะให้พี่คุยวน...กี่ครั้งกี่รอบ
กับสาขาย่อยพี่ก็คุยแล้ว..
กับน้องเลขาพี่ก็คุยแล้ว
พี่เสียเวลาเสียอารมณ์มามากแล้ว
ไม่ขอคุยกับใครอีกละ
คุณน้องเป็นเลขาฯ
น่าจะสรุปประเด็นได้ดี
ถ่ายทอดคำพูดพี่ให้เขาฟังแล้วกันนะคะ
น้องเลขาบอก..
งั้นหนูขอเวลาอีกหน่อย
และขอต่อรองอีกนิดได้ไหมคะ
ขอเป็นตัวเลขกลมได้ไหม
5555 มันตลกละ
พี่ให้เวลามากมากแล้วจร้าาา
ตั้งสองเดือนครึ่งแล้ว
และรู้ตัวไหม
พวกคุณไม่มีอำนาจต่อรองค่ะ
ไม่มีการต่อรองอีกแล้ว..
บาทเดียวก็ไม่ได้
และขอบอกว่า...
พวกคุณมีเวลาแค่พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง
ถ้าเงินเข้าบัญชีพี่ พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง
ทุกอย่างคือยุติ พี่จะไม่เดินเรื่องต่อ
พี่คะ...ทำไมต้องพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง
น้องเลขาฯถามมา...
พี่นี่อมยิ้มเลย...
น้องคะ.พรุ่งนี้พี่มีนัดกับ คปภ.บ่ายไงคะ
ถ้าพี่ต้องเสียเวลาไป คปภ.อีกวัน
พี่พร้อมยื่น มาตรา 88 อีกกระทง ชัวร์
ตามนี้นะ ขอบคุณค่ะ .
แล้วพี่ก็วางสาย..
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้
พี่เชื่อว่า..คุณน่าจะได้ประโยชน์บ้าง
ไม่มากก็น้อย
เพราะเรื่องนี้เป็นประสบการณ์
ที่คุณอาจใช้ปกป้องสิทธิ
ของตัวคุณเองหรือคนรอบข้าง
หากในวันข้างหน้า
มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว
วันนี้ก่อนเที่ยง
เงินเข้าบัญชีพี่ 42,500 บาท
ตามที่พี่เรียกร้อง
และพี่ก็รักษาสัญญา
ไปยุติเรื่อง
เฮ้อออออ...
เหนื่อยกาย...และ...เหนื่อยใจ
แต่คุ้มอยู่ค่ะ...
และขอบคุณทุกกำลังใจ
ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์
แชร์เป็นวิทยาทานได้
.
ผมลองสรุป ออกมาละกัน

สรุปประเด็นสำคัญ และเสนอแนะแนวทางที่อาจเป็นประโยชน์ดังนี้:


✅ สรุปเหตุการณ์

  1. วันที่ชน: 27 พ.ย. 63 – รถพี่ถูกชนที่ภูเก็ต

  2. เข้าซ่อม: ที่อู่นครศรีฯ ใช้เวลาซ่อม 45 วัน

  3. เรียกค่าสินไหม: วันที่ 15 ม.ค. 64 เรียกค่าขาดประโยชน์วันละ 500 บาท รวม 22,500 บาท

  4. บริษัท ก. เสนอจ่ายแค่ 20 วัน = 10,000 บาท → พี่ไม่ยอม

  5. บริษัทเสนอเพิ่มอีก 5 วัน → พี่ไม่รับ เพราะยังไม่ถึงครึ่งของสิทธิ

  6. วันที่ 15 ก.พ. 64 พี่ยื่นข้อเรียกร้องใหม่:

    • ค่าขาดประโยชน์ 22,500 บาท

    • ค่าเสื่อมราคารถ 20,000 บาท

  7. บริษัทตอบกลับจ่ายแค่ 25 วัน = 12,500 บาท

  8. วันที่ 8 มี.ค. 64: พี่ร้องเรียนต่อ คปภ.

  9. 22 มี.ค. 64: คปภ.จะนัดไกล่เกลี่ย


🧩 ข้อสังเกตทางกฎหมาย

  • ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ:
    พี่มีสิทธิเต็มที่ในการเรียกตามระยะเวลาจริงที่รถเข้าซ่อม (หากอู่ไม่ได้ล่าช้าเกินสมควร)
    กฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลไทยส่วนมากก็รองรับสิทธินี้

  • ค่าเสื่อมราคา:
    ข้อนี้แม้จะไม่ใช่ “สิทธิโดยตรง” ตามกรมธรรม์ แต่หากพิสูจน์ได้ว่ารถสูญเสียมูลค่าเพราะอุบัติเหตุ (เช่น ขายต่อได้ราคาตก) ก็สามารถเรียกร้องได้ โดยต้องมีหลักฐานประกอบ เช่น เอกสารประเมินราคารถก่อน-หลังชน


🧭 ข้อเสนอแนะ

  1. แนบหลักฐานทั้งหมดให้ คปภ. ทั้งใบเคลม, ใบเสร็จซ่อม, ใบประเมินราคารถ, ภาพถ่าย ฯลฯ

  2. ให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบต่อชีวิต/งาน/รายได้ (เช่น ต้องเช่ารถ, เสียโอกาสรับงาน ฯลฯ)

  3. หากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ → พี่สามารถพิจารณาฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง (ไม่ต้องมีทนาย ถ้าเงินไม่เกิน 300,000 บาท)


✍️ ข้อความตัวอย่าง สำหรับใช้สื่อสารต่อ คปภ. หรือเป็นแนวทางส่งหนังสือ

"ข้าพเจ้าขอเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายในฐานะผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ โดยขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทคู่กรณี เป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจำนวน 45 วัน รวมเป็นเงิน 22,500 บาท และค่าเสื่อมราคารถจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายจริงอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุดังกล่าว หากบริษัทฯ ปฏิเสธ ข้าพเจ้าขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป"

..............................

ต่อไปนี้คือรายละเอียดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีของพี่ โดยเฉพาะเรื่อง "ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ" และ "ค่าเสื่อมราคา" รวมถึงอำนาจของ คปภ. ในการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยหรือผู้เสียหาย:


📘 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1. พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535

มาตรา 30

บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยไม่ชักช้า เมื่อได้รับหลักฐานอันแสดงว่ามีสิทธิได้รับค่าสินไหม

บริษัทต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน หลังจากได้รับหลักฐานครบถ้วน

➡️ หากบริษัทประกัน "ยืดเยื้อ" หรือ "จ่ายไม่ครบถ้วนโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร" พี่สามารถร้องเรียนต่อ สำนักงาน คปภ. ได้ทันที


2. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535

มาตรา 9 และ มาตรา 10

กำหนดให้บริษัทประกันต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก เช่น ทรัพย์สินเสียหาย (รถของพี่)

➡️ พี่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทของ “คู่กรณี” ได้โดยตรง


📌 สิทธิในการเรียกร้อง “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”

แม้จะไม่ระบุชัดในกฎหมาย แต่ แนวคำพิพากษาศาลไทย และ แนวปฏิบัติของ คปภ. ให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่า

“ผู้เสียหายมีสิทธิเรียก ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ในระหว่างที่รถเข้าซ่อม ตามจำนวนวันจริง และอัตราที่เหมาะสม (โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300–1,000 บาท/วัน ขึ้นอยู่กับลักษณะรถ)"

✅ ตัวอย่างแนวคำพิพากษาศาล

  • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2552:

    "เจ้าของรถยนต์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุซึ่งต้องนำรถเข้าซ่อม มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ แม้ไม่ได้เช่ารถแทนก็ตาม"


📌 สิทธิในการเรียกร้อง “ค่าเสื่อมราคารถ”

กรณีนี้ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมาย แต่มี แนวปฏิบัติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า:

"หากผู้เสียหายสามารถพิสูจน์ได้ว่ารถมีมูลค่าลดลงจากการเกิดอุบัติเหตุ แม้จะซ่อมแล้ว ก็มีสิทธิเรียกร้อง ค่าเสื่อมราคา ได้"

✅ หลักฐานที่ช่วยได้:

  • ใบประเมินราคาก่อน-หลังเกิดเหตุ

  • เอกสารจากเต็นท์รถ/บริษัทประเมินมูลค่า

  • หลักฐานว่าเคยขายรถรุ่นเดียวกันแล้วราคาตกเพราะมีประวัติชน


🛡 สิทธิในการร้องเรียนต่อ คปภ.

อำนาจตาม มาตรา 38 และ 39 พ.ร.บ.ประกันวินาศภัยฯ

คปภ.มีอำนาจไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระงับข้อร้องเรียน และสั่งการให้บริษัทประกันวินาศภัยดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่ามีการละเมิดสิทธิของประชาชน


 ✍️ สรุปสิทธิของพี่ในการเรียกร้องเงินจากบริษัทประกัน

  1. พี่มีสิทธิเรียก “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” ได้เต็มที่
    แม้ว่าพี่จะไม่ได้ไปเช่ารถมาใช้ระหว่างรอซ่อม ก็ยังเรียกเงินชดเชยได้ เพราะถือว่าพี่เสียสิทธิในการใช้รถของตัวเอง
    บริษัทประกันคู่กรณีมีหน้าที่จ่ายชดเชยตามจำนวนวันที่รถเข้าซ่อมจริง (ในกรณีนี้คือ 45 วัน)
    ราคาที่เรียกได้ต่อวันขึ้นอยู่กับสภาพรถ อายุรถ และเหตุผลประกอบ — 500 บาทต่อวันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

  2. พี่สามารถเรียก “ค่าเสื่อมราคารถ” เพิ่มได้ ถ้าพี่พิสูจน์ได้ว่าราคาขายต่อของรถตกลงเพราะเคยชน
    แม้จะซ่อมแล้ว รถของพี่ก็ยังมีประวัติอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้มูลค่ารถลดลงในตลาด — แบบนี้พี่มีสิทธิขอค่าเสื่อมราคาจากบริษัทประกันได้อีกก้อน
    วิธีพิสูจน์ เช่น ใช้ใบประเมินราคารถก่อน-หลังเกิดเหตุ หรือเอกสารจากเต็นท์รถที่บอกว่าขายต่อได้ราคาตก

  3. บริษัทประกันไม่มีสิทธิลดจำนวนวันซ่อมตามอำเภอใจ
    ถ้าพี่มีใบรับรถจากอู่ที่ระบุวันเริ่ม–วันเสร็จชัดเจน บริษัทจะบอกว่า “จะจ่ายแค่ 20 วัน” หรือ “จะเพิ่มให้อีก 5 วันพอไหม” แบบนี้ไม่ได้
    เพราะถือเป็นการตัดสิทธิของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควร

  4. ถ้าบริษัทประกันไม่ตอบ หรือยื้อเรื่อง พี่มีสิทธิร้องเรียนไปยัง คปภ. ได้ทันที
    คปภ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่คอยคุ้มครองสิทธิผู้เอาประกันหรือผู้เสียหายจากประกัน
    ถ้าพี่ร้องไป คปภ.จะช่วยเรียกบริษัทประกันมาไกล่เกลี่ย ถ้ายังไม่ตกลงกันได้ ก็สามารถขอให้ คปภ. ออกหนังสือแนะนำ หรือพี่จะฟ้องศาลก็ได้

  5. ถ้าพี่มีหลักฐานครบ เช่น ใบซ่อม, ใบรับรถ, อีเมลที่ติดต่อกับบริษัทประกัน, หนังสือเรียกร้อง
    พี่สามารถยื่นคำร้องต่อ คปภ. หรือไปที่ศาลได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมีทนายด้วยซ้ำ (ถ้าค่าสินไหมไม่เกิน 300,000 บาท)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น