Paweenut Naibut
รู้สึกผ่อนคลาย
สรุปประเด็นสำคัญ และเสนอแนะแนวทางที่อาจเป็นประโยชน์ดังนี้:
✅ สรุปเหตุการณ์
-
วันที่ชน: 27 พ.ย. 63 – รถพี่ถูกชนที่ภูเก็ต
-
เข้าซ่อม: ที่อู่นครศรีฯ ใช้เวลาซ่อม 45 วัน
-
เรียกค่าสินไหม: วันที่ 15 ม.ค. 64 เรียกค่าขาดประโยชน์วันละ 500 บาท รวม 22,500 บาท
-
บริษัท ก. เสนอจ่ายแค่ 20 วัน = 10,000 บาท → พี่ไม่ยอม
-
บริษัทเสนอเพิ่มอีก 5 วัน → พี่ไม่รับ เพราะยังไม่ถึงครึ่งของสิทธิ
-
วันที่ 15 ก.พ. 64 พี่ยื่นข้อเรียกร้องใหม่:
-
ค่าขาดประโยชน์ 22,500 บาท
-
ค่าเสื่อมราคารถ 20,000 บาท
-
-
บริษัทตอบกลับจ่ายแค่ 25 วัน = 12,500 บาท
-
วันที่ 8 มี.ค. 64: พี่ร้องเรียนต่อ คปภ.
-
22 มี.ค. 64: คปภ.จะนัดไกล่เกลี่ย
🧩 ข้อสังเกตทางกฎหมาย
-
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ:
พี่มีสิทธิเต็มที่ในการเรียกตามระยะเวลาจริงที่รถเข้าซ่อม (หากอู่ไม่ได้ล่าช้าเกินสมควร)
กฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลไทยส่วนมากก็รองรับสิทธินี้ -
ค่าเสื่อมราคา:
ข้อนี้แม้จะไม่ใช่ “สิทธิโดยตรง” ตามกรมธรรม์ แต่หากพิสูจน์ได้ว่ารถสูญเสียมูลค่าเพราะอุบัติเหตุ (เช่น ขายต่อได้ราคาตก) ก็สามารถเรียกร้องได้ โดยต้องมีหลักฐานประกอบ เช่น เอกสารประเมินราคารถก่อน-หลังชน
🧭 ข้อเสนอแนะ
-
แนบหลักฐานทั้งหมดให้ คปภ. ทั้งใบเคลม, ใบเสร็จซ่อม, ใบประเมินราคารถ, ภาพถ่าย ฯลฯ
-
ให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบต่อชีวิต/งาน/รายได้ (เช่น ต้องเช่ารถ, เสียโอกาสรับงาน ฯลฯ)
-
หากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ → พี่สามารถพิจารณาฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง (ไม่ต้องมีทนาย ถ้าเงินไม่เกิน 300,000 บาท)
✍️ ข้อความตัวอย่าง สำหรับใช้สื่อสารต่อ คปภ. หรือเป็นแนวทางส่งหนังสือ
.............................."ข้าพเจ้าขอเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายในฐานะผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ โดยขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทคู่กรณี เป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจำนวน 45 วัน รวมเป็นเงิน 22,500 บาท และค่าเสื่อมราคารถจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายจริงอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุดังกล่าว หากบริษัทฯ ปฏิเสธ ข้าพเจ้าขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป"
ต่อไปนี้คือรายละเอียดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีของพี่ โดยเฉพาะเรื่อง "ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ" และ "ค่าเสื่อมราคา" รวมถึงอำนาจของ คปภ. ในการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยหรือผู้เสียหาย:
📘 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535
มาตรา 30
บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยไม่ชักช้า เมื่อได้รับหลักฐานอันแสดงว่ามีสิทธิได้รับค่าสินไหม
✅ บริษัทต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน หลังจากได้รับหลักฐานครบถ้วน
➡️ หากบริษัทประกัน "ยืดเยื้อ" หรือ "จ่ายไม่ครบถ้วนโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร" พี่สามารถร้องเรียนต่อ สำนักงาน คปภ. ได้ทันที
2. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
มาตรา 9 และ มาตรา 10
กำหนดให้บริษัทประกันต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก เช่น ทรัพย์สินเสียหาย (รถของพี่)
➡️ พี่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทของ “คู่กรณี” ได้โดยตรง
📌 สิทธิในการเรียกร้อง “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
แม้จะไม่ระบุชัดในกฎหมาย แต่ แนวคำพิพากษาศาลไทย และ แนวปฏิบัติของ คปภ. ให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่า
“ผู้เสียหายมีสิทธิเรียก ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ในระหว่างที่รถเข้าซ่อม ตามจำนวนวันจริง และอัตราที่เหมาะสม (โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300–1,000 บาท/วัน ขึ้นอยู่กับลักษณะรถ)"
✅ ตัวอย่างแนวคำพิพากษาศาล
-
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2552:
"เจ้าของรถยนต์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุซึ่งต้องนำรถเข้าซ่อม มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ แม้ไม่ได้เช่ารถแทนก็ตาม"
📌 สิทธิในการเรียกร้อง “ค่าเสื่อมราคารถ”
กรณีนี้ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมาย แต่มี แนวปฏิบัติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า:
"หากผู้เสียหายสามารถพิสูจน์ได้ว่ารถมีมูลค่าลดลงจากการเกิดอุบัติเหตุ แม้จะซ่อมแล้ว ก็มีสิทธิเรียกร้อง ค่าเสื่อมราคา ได้"
✅ หลักฐานที่ช่วยได้:
-
ใบประเมินราคาก่อน-หลังเกิดเหตุ
-
เอกสารจากเต็นท์รถ/บริษัทประเมินมูลค่า
-
หลักฐานว่าเคยขายรถรุ่นเดียวกันแล้วราคาตกเพราะมีประวัติชน
🛡 สิทธิในการร้องเรียนต่อ คปภ.
อำนาจตาม มาตรา 38 และ 39 พ.ร.บ.ประกันวินาศภัยฯ
คปภ.มีอำนาจไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระงับข้อร้องเรียน และสั่งการให้บริษัทประกันวินาศภัยดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่ามีการละเมิดสิทธิของประชาชน
✍️ สรุปสิทธิของพี่ในการเรียกร้องเงินจากบริษัทประกัน
-
พี่มีสิทธิเรียก “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” ได้เต็มที่
แม้ว่าพี่จะไม่ได้ไปเช่ารถมาใช้ระหว่างรอซ่อม ก็ยังเรียกเงินชดเชยได้ เพราะถือว่าพี่เสียสิทธิในการใช้รถของตัวเอง
บริษัทประกันคู่กรณีมีหน้าที่จ่ายชดเชยตามจำนวนวันที่รถเข้าซ่อมจริง (ในกรณีนี้คือ 45 วัน)
ราคาที่เรียกได้ต่อวันขึ้นอยู่กับสภาพรถ อายุรถ และเหตุผลประกอบ — 500 บาทต่อวันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม -
พี่สามารถเรียก “ค่าเสื่อมราคารถ” เพิ่มได้ ถ้าพี่พิสูจน์ได้ว่าราคาขายต่อของรถตกลงเพราะเคยชน
แม้จะซ่อมแล้ว รถของพี่ก็ยังมีประวัติอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้มูลค่ารถลดลงในตลาด — แบบนี้พี่มีสิทธิขอค่าเสื่อมราคาจากบริษัทประกันได้อีกก้อน
วิธีพิสูจน์ เช่น ใช้ใบประเมินราคารถก่อน-หลังเกิดเหตุ หรือเอกสารจากเต็นท์รถที่บอกว่าขายต่อได้ราคาตก -
บริษัทประกันไม่มีสิทธิลดจำนวนวันซ่อมตามอำเภอใจ
ถ้าพี่มีใบรับรถจากอู่ที่ระบุวันเริ่ม–วันเสร็จชัดเจน บริษัทจะบอกว่า “จะจ่ายแค่ 20 วัน” หรือ “จะเพิ่มให้อีก 5 วันพอไหม” แบบนี้ไม่ได้
เพราะถือเป็นการตัดสิทธิของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควร -
ถ้าบริษัทประกันไม่ตอบ หรือยื้อเรื่อง พี่มีสิทธิร้องเรียนไปยัง คปภ. ได้ทันที
คปภ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่คอยคุ้มครองสิทธิผู้เอาประกันหรือผู้เสียหายจากประกัน
ถ้าพี่ร้องไป คปภ.จะช่วยเรียกบริษัทประกันมาไกล่เกลี่ย ถ้ายังไม่ตกลงกันได้ ก็สามารถขอให้ คปภ. ออกหนังสือแนะนำ หรือพี่จะฟ้องศาลก็ได้ -
ถ้าพี่มีหลักฐานครบ เช่น ใบซ่อม, ใบรับรถ, อีเมลที่ติดต่อกับบริษัทประกัน, หนังสือเรียกร้อง
พี่สามารถยื่นคำร้องต่อ คปภ. หรือไปที่ศาลได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมีทนายด้วยซ้ำ (ถ้าค่าสินไหมไม่เกิน 300,000 บาท)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น