วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
กรณีถูกพนักงานจราจรตรวจจับในข้อหาไม่สวมหมวก ไม่มีใบขับขี่ และไม่พกคู่มือจดทะเบียนรถ
วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
การขอตรวจฉี่ ใช่ว่าตำรวจจะขอตรวจได้ทุกคนทุกที่ ทำได้เฉพาะคนที่มีอำนาจหน้าที่เท่านั้น
🔥#การตรวจหาสารเสพติด 📣 #ฉี่ม่วงไม่ติดคุกทันที ⤵️⤵️⤵️
📣#ต้องตรวจยืนยันให้ชัดเจน📣🔥🔥🔥
การขอตรวจฉี่ ใช่ว่าตำรวจจะขอตรวจได้ทุกคนทุกที่ ทำได้เฉพาะคนที่มีอำนาจหน้าที่เท่านั้น
🎯และที่สำคัญ #แม้การทดสอบเบื้องต้นจะพบสารเสพติด หรือ #ผลเป็นบวก ก็ตาม
#ห้ามเจ้าพนักงานตำรวจ_ดำเนินคดี_หรือจับกุมทันที
#ตำรวจต้องปล่อยตัวไปก่อน #โดยทำได้เพียงจดที่อยู่เพื่อเรียกหรือออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ภายหลังที่ #ตำรวจต้องส่งปัสสาวะ_หรือเส้นผมไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันผลซ้ำอีกครั้ง ว่า มีสารเสพติดจริง (อ้างอิงข้อ 8)
⏩⏩ และต้องได้ปริมาณสารเสพติดตามเกณฑ์ที่กำหนดด้วย เช่น ⤵️⤵️⤵️
🚀ไอซ์ หรือยาบ้า (แมทแอมเฟตามีน) ต้องพบว่าอยู่ในปัสสาวะตั้งแต่ 1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ขึ้นไป ⏩หรือถ้าตรวจโดยใช้เส้นผมก็ต้องมี 0.2 นาโนกรัม/มิลลิกรัม ขึ้นไป จึงจะถือว่าเสพยา ❗❗❗
🗼 ฯลฯ🗼
#ดังนั้นหากถูกจับกุมตรวจฉี่เป็นสีม่วง ยังไม่สามารถสามารถดำเนินคดีได้ ต้องตรวจยืนยันโดยแพทย์ทางโรงพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเท่านั้น📣📣📣📣
🔥🔥หากถูกกระทำโดยไม่ถูกต้องปรึกษาทนายด่วน👨⚖️ ก่อนจะสาย ติดคุกไปก่อน👨⚖️👨⚖️👨⚖️
วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
ห้ามถ่ายรูป ห้ามยึดบัตร ไม่ใช่ตำรวจทุกคนที่จะขอดูบัตรประชาชนได้
.
ปัญหาหนึ่งที่ทำให้สงสัยกันว่า เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาขอตรวจบัตรประชาชนของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำได้หรือไม่?
.
+++ กฎหมายบังคับให้พกบัตรประชาชน
.
ในเรื่องบัตรประชาชนมีกฎหมายที่กำหนดไว้คือ พระราชบัญญัติบัตรประจําตัวประชาชน พ.ศ. 2526 ซึ่งมาตรา 5 กำหนดให้ ผู้มีสัญชาติไทยอายุตั้งแต่ 7 ปี บริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปี บริบูรณ์ และมีชื่ออาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรประชาชนตามที่กําหนดในกฎหมายนี้
.
ซึ่งในมาตรา 17 ของกฎหมายดังกล่าว กำหนดไว้ว่า "ผู้ถือบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป
ผู้ใดไม่สามารถแสดงบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ เมื่อเจ้าพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท"
.
หมายความว่า ผู้ที่ถือบัตรประจำตัว อายุ 15 ปี ขึ้นไป มีหน้าที่ต้องพกบัตรประชาชนติดไว้กับตัว และแสดงบัตรประจำตัวกับเจ้าพนักงานตรวจบัตร เมื่อถูกขอตรวจ ไม่เช่นนั้นจะมีโทษปรับ 200 บาท ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของ "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" ที่สามารถขอตรวจได้ตามกฎหมาย (กรณีที่เด็กอายุ 7 ปี สามารถทำบัตรประชาชนได้ เป็นการให้ทำไว้ก่อน แต่ไม่ได้บังคับให้พกติดตัวตามกฎหมายฉบับนี้)
.
*ซึ่งโทษปรับที่มีกำหนดไว้ 200 บาท นั้น มีการแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นมาเมื่อปี 2542 โดยเหตุผลการแก้ไขให้มีโทษปรับ 200 บาท คือ ความผิดเกี่ยวกับบัตรประชาชน กระทบความมั่นคง จึงแก้โทษให้หนักขึ้น
.
+++ "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" นอกด่านตรวจ ต้องเป็นตำรวจยศร้อยตรีขึ้นไปเท่านั้น +++
.
เมื่อกฎหมายกำหนดให้ "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" สามารถตรวจการพกบัตรประจำตัวประชาชนได้ แต่กฎหมายที่กำหนดว่าใครคือ "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" บ้าง มีกำหนดไว้อยู่ใน คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1496/2561 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานตรวจบัตร
.
ซึ่งกำหนดให้ "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" ได้แก่
.
2. ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ตามด่านตรวจที่ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตร เฉพาะในด่านตรวจนั้น
.
3. ในเขตของกรุงเทพมหานคร ให้ผู้อำนวยการเขต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายทะเบียน หัวหน้าฝ่ายปกครอง หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ เจ้าพนักงานปกครอง และเจ้าพนักงานเทศกิจ เป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตร เฉพาะในเขตนั้น
.
4. ให้ปลัดเมืองพัทยา รองปลัดเมืองพัทยา หัวหน้าสำนักปลัดเมืองพัทยา หัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชน หัวหน้าฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ นักจัดการงานทะเบียนและบัตร และนักจัดการงานเทศกิจ เป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตร เฉพาะในเมืองพัทยา
.
5. ให้ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล ผู้อำนวยการกองทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชน หัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎร หัวหน้าฝ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชน หัวหน้าฝ่ายปกครอง หัวหน้าฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ นักจัดการงานเทศกิจ นักจัดการงานทะเบียนและบัตร และหัวหน้าฝ่ายและข้าราชการตั้งแต่ระดับปฏิบัติการขึ้นไปหรือเทียบเท่าซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับงานทะเบียนราษฎรหรือบัตรประจำตัวประชาชน เป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตรในเทศบาลนั้น
.
ซึ่งหมายความว่าตามข้อ 1. "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" ที่เป็นตำรวจสามารถขอตรวจบัตรประชาชนในพื้นที่ทั่วไปได้ ต้องเป็นตำรวจยศตั้งแต่ ร้อยตำรวจตรี ขึ้นไป เท่านั้น ส่วนตำรวจชั้นประทวนจะขอดูบัตรประชาชนได้ต้องอยู่ที่ด่านตรวจที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
.
เพราะฉะนั้นหากถูกขอตรวจบัตรประชาชน เราสามารถขอดูบัตรประจำตัวตำรวจว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมียศระดับร้อยตำรวจตรีขึ้นไปหรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจนอกเครื่องแบบ
.
+++ กฎหมายให้อำนาจหน้าที่ตำรวจตรวจการพกบัตรประชาชนเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจถ่ายรูปบัตรประชาชน +++
.
จากที่กล่าวมาข้างต้น กฎหมายได้ให้อำนาจ "เจ้าพนักงานตรวจบัตร" หรือตำรวจ ในการตรวจการพกบัตร เพื่อให้ประชาชนแสดงบัตรประชาชนว่าพกมากับตัวหรือไม่เท่านั้น
.
แต่กฎหมายดังกล่าวไม่มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ ให้ตำรวจสามารถจะถ่ายรูปบัตรประชาชน หรือขอยึดบัตรประชาชนไว้กับตัวของตำรวจได้เลย เนื่องจากบัตรประชาชนของเราถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเราทั้งใบ การใช้สำเนาบัตรประชาชนยังต้องมีการเซ็นต์รับรองสำเนา
.
เมื่อกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจตำรวจในส่วนนี้ไว้ ก็ไม่สามารถทำได้ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากพบเห็นการกระทำอย่างนั้นสามารถถามตำรวจได้เลยว่าเขาใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายข้อใด ในการถ่ายรูปบัตรประชาชน หรือยึดบัตรประชาชนของเราไป
.
และถึงแม้ตำรวจจะตรวจบัตรได้แต่ก็ไม่ควรจะกระทำเกินสมควรเกินกว่าเหตุ จนกระทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมนั้น
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
ตำรวจไม่มีบัตรแบบ ป.2 ไม่มีอำนาจตรวจปัสสาวะ!!
#อ้างถึงหนังสือ ผบช.ปส. ที่ 0023.412/186 ถึง ผบ.ตร. ชี้แจงปัญหา กรณีการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายราษฎร เนื่องจากไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายราษฎรได้ ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นร้อยตำรวจตรีขึ้นไปสามารถทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดได้ ทาง ผบช.ปส.จึงชี้แนะให้ ผบ. ตร. ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด มอบหมายอำนาจให้แก่ ผบช. (ผู้บัญชาการ) หรือ ผบก. (ผู้บังคับการ) หน่วยปฎิบัติ เพื่อให้มีอำนาจพิจารณาออกเอกสารมอบหมายให้ไว้ประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะทำหน้าที่ตรวจปัสสาวะประชาชนต่อไป โดยในการนี้ ทาง บช.ปส. จะดำเนินการจัดพิมพ์แบบ ป.2 แจกจ่ายให้หน่วยงานทางตำรวจต่อไป/
#เห็นคำสั่งนี้แล้วต่อไปอย่าพลาดนะครับ เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะสอนมวยเอา!!!#ย้ำคำสั่งกันชัดๆ!!! ตำรวจไม่มีบัตร ป.2 ไม่มีอำนาจตรวจปัสสาวะ!!
#ทุกวันนี้หลายๆเหตุการณ์ พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการออกไปทำการตรวจปัสสาวะชาวบ้าน ทั้งตามด่านตรวจ และตระเวนไล่ตรวจตามบ้าน โดยยังมีการแอบอ้างอำนาจต่างๆในการขอตรวจไปต่างๆนานา และเมื่อตรวจพบผลเสพ ยังมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อไม่ดำเนินคดีอีก ดังนั้นเพื่อเกิดความชัดเจน ของอำนาจการตรวจของตำรวจ และป้องเพื่อกันการนำมาแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบ ทางทนายจึงขอนำหนังสือหารือ และคำวินิจฉัยของผู้บัญชาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เรื่องอำนาจของตำรวจ ในการตรวจปัสสาวะ มาให้วิเคราะห์กัน ต่อไปหากไปเจอบังคับตรวจ จะได้อ้างคำสั่งฉบับนี้ได้ทัน ทีนี้เจ้าหน้าที่จะบอกไม่รู้ไม่ได้แล้วครับ!!!
#อ้างถึงหนังสือ ผบช.ปส. ที่ 0023.412/186 ถึง ผบ.ตร. ชี้แจงปัญหา กรณีการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายราษฎร เนื่องจากไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายราษฎรได้ ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นร้อยตำรวจตรีขึ้นไปสามารถทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดได้ ทาง ผบช.ปส.จึงชี้แนะให้ ผบ. ตร. ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด มอบหมายอำนาจให้แก่ ผบช. (ผู้บัญชาการ) หรือ ผบก. (ผู้บังคับการ) หน่วยปฎิบัติ เพื่อให้มีอำนาจพิจารณาออกเอกสารมอบหมายให้ไว้ประจำตัวแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะทำหน้าที่ตรวจปัสสาวะประชาชนต่อไป โดยในการนี้ ทาง บช.ปส. จะดำเนินการจัดพิมพ์แบบ ป.2 แจกจ่ายให้หน่วยงานทางตำรวจต่อไป/
#เห็นคำสั่งนี้แล้วต่อไปอย่าพลาดนะครับ เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะสอนมวยเอา!!!
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
#เกี่ยวกับการตรวจหาสารเสพติด
สำนักยาและวัตถุเสพติด
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
ถ้านำรถไปตรวจสภาพแล้วไม่ผ่าน เพราะมีเหตุขัดข้องที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายขนส่งหรือกฎหมายรถยนต์
ถ้าเจ้าของรถร้องขอ พนักงานตรวจสภาพรถจะต้องออกหนังสือในนามของสำนักงานขนส่งที่ีตรวจสภาพว่า "รถคันนั้นไม่ผ่านการตรวจสภาพรถ เพราะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายอะไร ฉบับใด มาตราหรือข้อใดกำหนดไว้อย่างไร และจะต้องไปแก้ไขอย่างไร ให้เจ้าของรถหรือผู้แทนทราบอย่างชัดเจนและในทันทีไม่ชักช้า
ถ้าพนักงานตรวจสภาพรถและหรือขนส่งจังหวัดไม่ยอมออกหนังสือดังกล่าว ไม่ว่าจะโดยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ท่านก็มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะการใช้ดุลพินิจจากการตรวจสภาพ ว่า "รถไม่ผ่านการตรวจสภาพ" ถือเป็นคำสั่งทางปกครองที่เป็นผลร้ายแก่เจ้าของรถ เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการออกคำสั่งจึงมีหน้าที่ตามกฎหมาย พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ที่จะต้องมีหนังสือแสดงเหตุผลและรายละเอียดให้เจ้าของรถทราบและเป็นที่เข้าใจ
การบอกกล่าวด้วยวาจา ไม่ถือว่าเป็นการแจ้งคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมาย
จึงแจ้งมายังเจ้าของรถทุกคนเพื่อทราบ และใช้สิทธิของท่านที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์กับตัวท่าน
ขอฝากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต รับไปพิจารณาแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถ ด้วยครับ
ฉัตรไชย ภู่อารีย์
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
มาตรา 92 ห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล
มาตรา 92 ห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น และในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐาน หรือมีเสียงหรือพฤติการณ์อื่นใดอันแสดงได้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่รโหฐานนั้น
(2) เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำลงในที่รโหฐาน
(3) เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
(4) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน
(5) เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้าน และการจับนั้นมีหมายจับหรือจับตามมาตรา 78
การใช้อำนาจตาม (4) ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจผู้ค้นส่งมอบสำเนาบันทึกการตรวจค้นและบัญชีทรัพย์ที่ได้จากการตรวจค้น รวมทั้งจัดทำบันทึกแสดงเหตุผลที่ทำให้สามารถเข้าค้นได้เป็นหนังสือให้ไว้แก่ผู้ครอบครองสถานที่ที่ถูกตรวจค้น แต่ถ้าไม่มีผู้ครอบครองอยู่ ณ ที่นั้น ให้ส่งมอบหนังสือดังกล่าวแก่บุคคลเช่นว่านั้นในทันทีที่กระทำได้ และรีบรายงานเหตุผลและผลการตรวจค้นเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป